Like กันนะ

สวัสดีมาเก๊า (Macau) เรากลับมาแล้ว



มาเก๊าเป็นที่แรกๆในการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองของผมและภรรยา เรามารู้จักมาเก๊ากันหน่อยดีกว่า



มาเก๊าจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (อังกฤษ: Macao Special Administrative Region of the People's Republic of China, จีนตัวย่อ: 中华人民共和国澳门特别行政区; จีนตัวเต็ม: 中華人民共和國澳門特別行政區 เรียกสั้น ๆ ว่า มาเก๊า ในภาษาอังกฤษเขียนเป็น Macau และ Macao พินอิน: Àomén,อ้าวเหมิน ; 馬交 ก็เรียก) เป็นพื้นที่บนชายฝั่งทางใต้ของประเทศจีน ปกครองโดยประเทศโปรตุเกสก่อนพ.ศ. 2542 เป็นอาณานิคมของยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในจีน ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 อำนาจอธิปไตยเหนือมาเก๊าได้ย้ายไปที่สาธารณรัฐประชาชนจีนในพ.ศ. 2542 กลายเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ... ข้อมูลจาก Wikipedia





พอพูดถึงมาเก๊า ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงคิดถึง การพนัน บ่อน คาสิโน อะไรประมาณนี้ อันที่จริงมาเก๊ามีอะไรมากกว่านั้นครับ มาดูทริปของผมกัน ทริปนี้ไปทั้งหมด 3 วัน 2 คืน



เราออกเดินทางกันแต่เช้าครับ มาถึงมาเก๊าก็ประมาณเที่ยงละ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การไปที่พักเพื่อเอากระเป๋าไปวางครับ เพราะคงไม่สนุกแน่ถ้าเราต้องลากกระเป๋าไปไหนต่อไหนด้วย ครั้งนี้ผมเลือกโรงแรมที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว Senado Square เลย เมื่อวางกระเป๋าเสร็จแล้วเราก็เดินทางไปที่ย่าน Senado Square ทันที เพื่อหาของกินครับ อ่อลืมบอกไปว่าวันนี้เราคงไม่ได้ไปเที่ยวอะไรเยอะ เพราะเหนื่อยจากการเดินทางมา

สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับมาเก๊าก็คือเรื่องอาหารเนี่ยแหล่ะครับ ร้านบางร้านจะอยู่ในซอย แต่ใช้วิธีคนถือป้ายร้านมาเรียกแขกตั้งแต่หน้าปากซอยที่มีคนพลุกพล่าน และผมก็เป็นเหยื่อของร้านๆนึงในที่สุด



ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆครับที่นั่งด้านล่างเต็มก็เลยต้องขึ้นไปด้านบน ลักษณะออกแนวชั้นลอยมากกว่า เพราะว่ามีผนังที่ต่ำ จำเป็นจะต้องเดินก้มหัวในบางช่วง

ร้านนี้เจ้าของร้านเป็นคุณป้า อาหารแนะนำเลยคือ ขนมปังหมูทอด (มันเป็นอาหารยอดนิยมของที่นี่เลย ขอบอก) แน่นอนว่าเราต้องสั่งมาลองเป็นแน่ แต่ก็มีสั่งจานหลักด้วยเช่นกัน



นี่เป็นข้าวหมูทอด เป็นหมูทอดเดียวกับในขนมปังแหล่ะครับ



แล้วก็พระเอกของเรา ขนมปังหมูทอด

จัดกันไปอย่างอิ่ม หลังจากนั้นเราก็จะออกเดินเที่ยวกันต่อโดยทันที (เวลามีไม่เยอะ)





หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็ไปเดินเล่นกันต่อเป็นการเดินย่อยอาหารไปด้วย และแล้วเราก็มาถึงคาสิโน(จนได้) การเจอคาสิโนที่นี่ไม่ยากเย็นอะไรเลย เพราะมีกระจายเกือบทุกที่ เล็กบ้างใหญ่บ้าง และที่ผมมาแวะก็คือ Grand Lisboa เวลาก็หายไปประมาณชั่วโมงกว่า คงไม่ต้องบอกนะครับว่าหายไปไหนมา อันที่จริงผมก็อยากถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ แต่เขาไม่ให้ เลยอดไป หลังจากที่สนุกกันแบบหอมปากหอมคอ ฟ้าก็เริ่มมึดละ ก็เลยคิดว่าเราควรหาอะไรกิน(อีกแล้ว)สักหน่อย





ระหว่างเดินหาร้านสำหรับมื้อเย็น เราก็เจอกับร้านขนมปังชื่อ 'Anak' เข้าใจว่าเป็นชื่อเจ้าของร้าน เป็นร้านขายขนมปังฟิลิปิน คิวยาวเชียว เลยซื้อมาลอง



ขนมปังมีความนุ่มมาก อร่อยดีครับผมชอบ







และเราก็เสาะแสวงหาร้านสำหรับมื้อเย็นกันต่อไป จนมาเจอะร้านนึงในซอยเล็กๆ เป็นร้านขายพวกไก่ต้ม หมูย่าง เป็ด และมีนกด้วยนะ แต่ที่สั่งมากินก็เป็นข้าวหมูย่าง บางคนก็เรียกมันว่าเป็นข้าวหมูแดง เพราะภาษาอังกฤษใช้คำว่า Bar B Q Pork เหมือนกัน แต่บอกเลยว่าของที่นี่อร่อยกว่ากันเยอะ





แล้วก็มาต่อด้วยเกี๊ยวซ่าสไตล์มาเก๊ากัน และมาดูลีลาการทำเกี๊ยวซ่าของที่นี่กันจากคลิปด้านล่างนี้



ขอแอบแซวหน่อย คือผมก็เห็นอ่ะนะว่ากระทะมันหมุนอยู่ด้วยตัวมันเอง เลยไม่เข้าใจว่าจะยกกระทะมาหมุนเองอีกทำไม ฮ่า ฮ่า











เมื่อท้องอิ่มเราก็ออกเที่ยวยามค่ำคืนกันต่อ เนื่องจากช่วงที่ผมไปเที่ยวเป็นช่วงของวันวาเลนไทน์ ที่มาเก๊าจะมีการเดินขบวนแห่รูปของพระเยซูแบกไม้กางเขน โดยขบวนจะเริ่มจากโบสถ์ St.Augustine แล้วไปจบที่ the Cathedral โดยรูปนั้นจะไปอยู่ที่นั่น 1 คืน หลังจากนั้นก็จะกลับคืนสู่ที่เดิม

มาดูเป็นคลิปกันนะครับ





ผมเดินมากับขบวนถึงแค่ตรง Senado Square แล้วผมก็เดินแยกเพื่อไปที่ Ruins of St. Paul's ไปเก็บภาพยามดึก

คือเดินเยอะ แอบหิว เลยจัดเบอร์เกอร์หมูอีกชิ้น ดูคิวซิ ยาวขนาดนี้มันต้องอร่อยแน่ๆ

จัดของคาวแล้วก็ต้องมาต่อด้วยผลไม้กัน มาซื้อลูกไหน ... ว่าแต่ลูกไหนล่ะ !!!!


เมื่อได้เก็บภาพจนพอใจ เราก็เดินทางกลับที่พักกันด้วยร่างกายอันเหนื่อยอ่อน



เช้าวันที่ 14 เริ่มด้วยการหามื้อเช้าลงท้องกันหน่อย เดินมาใกล้ๆโรงแรมก็มีร้านขายโจ๊กอยู่ร้านนึง ดูแล้วน่ากินดี (บวกกับขี้เกียจเดิน) เลยจัดกันที่ร้านนี้เลยครับ


โจ๊กหอมดี แต่จืดมาก บอกเลย

Click เพื่อไปยัง Google Maps

วันนี้ตั้งใจจะไปเที่ยววัดอาม่า การเดินทางของที่มาเก๊าจะเน้นรถเมล์เป็นหลักนะครับ ข้อยากเลยคือป้ายรถเมล์มีแต่ข้อมูลที่เป็นภาษาจีน และภาษาโปรตุเกส ข้อแนะนำคือ ให้ถ่ายภาพข้อมูลของสายที่เราจะขึ้น แล้วดัที่สึดคือนับสถานีเอาครับ แต่ถ้าเกิดมันหลายป้าย แล้วเราทะลึ่งล่ะจะทำอย่างไร บนรถเมล์ส่วนใหญ่จะมีประกาศ 3-4 ภาษาอยู่แล้ว หนึ่งในนั้นเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ง่ายเสมอไป เพราะว่าป้ายที่เราจะลงเราจะรู้แต่ภาษาโปรตุเกสและภาษาจีนเท่านั้นจะทำยังไงดี ก็ต้องเอารูปที่ถ่ายไว้มาดูแล้วเทียบตัวหนังสือเอานะครับ ผมมักจะเทียบกับภาษาจีน และเมืาอถึงสถานีเราก็ต้องกดปุ่มเพื่อบอกว่าเราจะลงนะครับ ไม่อย่างนั้นเขาไม่จอดจริงๆด้วย (โดนมาแล้ว) แถมคนขับรถที่นี่ดุมาก เห็นผู้โดยสารโดนด่าประจำเลย





เรามาทำความรู้จักวัดอาม่ากันหน่อยดีกว่า วัดอาม่า หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า วัดม่าก๊อก (A-Ma Temple) นี้ ถือเป็นวันเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า คำว่า "อาม่า" นี้ เป็นที่มาของคำว่า "มาเก๊า" ในปัจจุบัน สืบเนื่องมาจาก เมื่อนักเดินทางชาวโปรตุเกส เดินทางมาขึ้นฝั่งที่มาเก๊าตรงบริเวณวัดนี้ แล้วได้ถามกับชาวบ้านว่าเกาะนี้ชื่อว่าอะไร ชาวบ้านตอบไปว่า "ม่าก๊อก" ชาวโปรตุเกสจึงเรียกประเทศนี้เรื่อยมา จนสุดท้าย กลายเป็นมาเก๊านี่เอง (ขอบคุณข้อมูลจาก hongkong-guide.blogspot.com) ทีนี้ก็มาดูรูปที่ผมเก็บภาพมากันนะครับ

เอาล่ะ เดี๋ยวจะพาชมในวัดกันดูนะครับ ตามมาเลย









ตอนเห็นครั้งแรก ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร 

แต่พอมาดูใกล้ๆเลยรู้ว่ามันคือ "ธูป"







แถมรูปบริเวณรอบๆวัดอาม่าให้ดูกันด้วยนะเออ





หลังจากไหว้พระไว้เจ้ามาแล้ว เราก็ควรจะเที่ยว บ่อน กันครับ คือ ผมจะพาไปโซนคาสิโนที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองมาเก๊ากันเลย คาสิโนหรูๆต่างๆจะมารวมกันอย่ย่านนี้ ซึ่งบ่อนที่ผมจะพาไปก็คือ The Venetian ที่มีจุดไฮไลท์นอกจากบ่อนคือการล่องเรือในร่ม ให้อารมณ์เหมือนอยู่ Venice



ตำแหน่งที่ The Venetian และแหล่งสถานบังเทิงหรูหราอยู่จะเป็นเกาะทางใต้ของมาเก๊า ใกล้กับสนามบินที่เรามานั่นเองครับ

การเดินทางมายังโซนบ่อนหรูก็ไม่ยากอะไร เพราะว่ามีรถ Shuttle Bus ฟรีคอยรับส่งอยู่ตลอดครับ มันจะมีจุดขึ้นรถอยู่ แต่ถ้าไม่รู้จะไปขึ้นที่ไหน ผมแนะนำท่าเรือของที่มาเก๊าเลยครับ เป็นท่าเรือที่หากเราเดินทางมาจากฝั่งฮ่องกงด้วยเรือ Ferry เราก็จะมาลงที่นี่แหล่ะครับ ณ ท่าเรือนี้จะมี Shuttle Bus หลากหลายสายที่จะพาเราไปเสียเงิน เอ้ย ไปศูนย์รวมความบันเทิงของมาเก๊าแต่ละที่ได้อย่างสะดวกสบาย และฟรี



และแล้วก็มาถึงบ่อนเป้าหมาย The Venetian ก็มาดูภาพกันนะครับ



ช่วงนี้เขามีจัดนินิทรรศการพอดี มีลิงหลายแบบตามทางเดิน











นี่คือความอลังการด้านใน

และนี่คือจุดขาย
จุดไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการล่องเรือในที่ร่มเนี่ยแหล่ะครับ จะอยู่ชั้นบนสุดของฝั่ง entertainment เลย (ชื่อฝั่งนี่ผมตั้งเองนะ คือไม่รู้จะเรียกฝั่งที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นที่พักว่าไง) นอกจากการล่องเรือแล้วชั้นนี้ก็จะมีร้านค้ามากมาย รวมถึงร้านอาหารต่างๆ

แล้วก็วันสุดท้ายของทริปกันแล้ว วันนี้จะพาเที่ยววัดกันอีกเช่นเคย



















หลังจากนั้นก็เดินฆ่าเวลาเล่นที่ Senado Square (คือไม่มีที่อื่นแล้วจริงๆ) ครั้งนี่ยอมต่อคิวเพื่อจะกินร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ให้ได้ เพราะวันก่อนๆที่มาคิวมันเยอะมากจนทนไม่ไหว แต่วันนี้คิวน้อยลงหน่อยก็เลยต่อคิวกันไป













และแล้วเราก็ได้กินจนได้ รสชาติถือว่าอร่อยเลยครับ แต่บางอย่างก็ยังออกจืดๆไปนิด ต้องปรุงเพิ่มกันอีกหน่อย ใครที่กำลังจะไปมาเก๊าผมขอให้ลองมาชิมร้านนี้ดูครับ เลือกดูวันไหนที่คิวน้อยหน่อยละกันเนาะ



หนังท้องตึงแล้ว เราก็มาเดินย่อยกันหน่อยก่อนจะกลับบ้านครับ ก็ขอพาเข้าโบสถ์เซนต์ ดอมินิค (St.Dominic"s Church) กันครับ ก็อยู่ตรง Senado Square แหล่ะครับ เป็นอาคารสีเหลืองๆ คือเราคงไม่ไปไหนกันไกลกว่านี้ละ เดี๋ยวจะขึ้นเครื่องมิทันเอา

โบสถ์เซนต์ ดอมินิค (St.Dominic"s Church) ได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่มีศิลปกรรมศาสตร์สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง อายุก็อยู่ราวๆ 400 ปี โบสถ์ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ส. 1587 โดยบาทหลวงชาวสเปนนิกายดอมินิกันถึง 3 คน ที่มาจากอะคาปุลโกในเม็กซิโก

ทีนี้ก็มาดูความสวยงามของโบสถ์นี้กันนะครับ







หลังจากนั้นก็เดินตามทางไปเรื่อยๆครับไปยังทิศทางของ Ruins of St. Paul's ที่ผมพามาคืนแรกน่ะครับ


คนแน่นเช่นเคยบนถนนเส้นนี้





นางเริ่มหิว

และมาจบที่เบอร์เกอร์หมูทอดเช่นเคย
สุดท้ายก็มาจบทริปที่อาหารเด็ดของมาเก๊านั่นก์คือ "เบอร์เกอร์หมูทอด" นั่นเอง เอาเป็นว่าใครไปมาเก๊าก็อย่าลืมไปลองนะ ง่ายๆแต่อร่อย ก็ขอจบทริปมาเก๊าแต่เพียงเท่านี้ครับ แล้วมาคอยติดกันดูว่าทริปหน้าผมจะพาไปเที่ยวไหน

Comments